Wagyu Kamada

หินร้อนกับเนื้อวากิวเจอกันจะได้อะไร? ลิ้มรสคำตอบที่ Wagyu Kamada

            ในฐานะผู้ชายกินเนื้ออย่างผม..(ถุ้ยยย! ล้อเล่นครับ ผมออกจะน่ารักจริงใจ อิอิ) อ่ะ ในฐานะผู้ชายชอบกินเนื้ออย่างผม ร้านไหนดี ร้านไหนเดือดก็ไปทานมาจะหมดแล้วทุกร้านเด็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่ร้านที่กินคุ้มกินสนุก(แบบไม่นับว่าพกเพื่อนไปด้วย)นี่สิ มีไม่กี่ร้านหรอกครับ

และนี่!!! หนึ่งในร้านเนื้อวากิวที่ผม proudly present ร้านเล็กๆที่ชั้น 3 อาคาร Mercury Ville ตรงข้ามเซ็นทรัลชิดลม ร้าน วากิวคามาดะ(Wagyu Kamada) นั่นเองครับ

ตกแต่งเท่ๆด้วยโทนสีดำแดง หน้าร้านวางเครื่องดื่มเรียงไว้สวยๆ อารมณ์เหมือนได้หลุดไปอยู่ร้านริมถนนในญี่ปุ่นเลย พื้นที่ร้านไม่ได้กว้างแต่สัดส่วนลงตัวดีครับ

ตามใบเมนูของร้านบอกว่าที่นี่ใช้เนื้อวากิวจากจังหวัดคาโกชิมาครับ เลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ น้องวัวจะไม่มีความเครียด แถมได้ทานอาหารดีๆ เนื้อจึงมีมันชุ่มฉ่ำแทรกอยู่ อื้อหือ แค่อ่านระหว่างจะสั่งอาหารก็น้ำลายสอละ ขอโทษนะคะน้องวัว แต่พี่จะกินหนูให้เรียบที่สุดเลยค่ะ (สมมติว่าน้องวัวเป็นผู้หญิงนะครับ อิ)

ความพิเศษของร้านนี้อยู่ที่เราสามารถเลือกเนื้อส่วนไหนตามใจเราก็ได้ ราคาก็จะต่างกันไปครับ มีตั้งแต่วากิวราคาเบบี้ไม่กี่ร้อยไปจนถึงพรีเมี่ยมหลักพันครับ แต่เนื้อที่นี่เกือบทั้งหมดเป็นเนื้อเกรด A4 (ไม่ใช่ดับเบิลเอนะเตงงงงงง ฮิ้ววววว!) ทั้งนั้นเลยครับ

เมนูที่ผมสั่งวันนี้ก็ลองหลายๆแบบมาครับ พอดีตอนมามีโปรโมชันเซ็ท “เนื้อคู่” ที่ไม่มีในเมนูปกติมีเฉพาะบางช่วงเลยสั่งมา ถัดมาก็เป็น ชุด Chef’s Recommendation, ชุด Combination แล้วก็มีสลัดคามาดะ, ชุดโอสึคาเรซามะ(ทั้งแบบโรสบีฟและเอ็นวากิวตุ๋น)  ชุดแซลมอนข้าวผัดกระเทียมเอาล่ะ มาดูทั้งหมดกันเลยดีกว่า

เริ่มที่ออร์เดิร์ฟครับ โอสึคาเรซามะ โรสบีฟ(199 บาท) เป็นเซ็ทเนื้อย่าง 2 คำเสิร์ฟพร้อมไข่หวานและถั่วแระญี่ปุ่นครับ เนื้อค่อนข้างสุกแต่นุ่ม ไม่เหนียวครับ ไข่หวานก็โอเคปกติ ที่ผมชอบคืออาซาฮีที่มากับเซ็ท และถั่วแระเคี้ยวเพลินๆ

โอสึคาเรซามะ เซ็ทที่ 2 อันนี้เป็นแบบเอ็นวากิวตุ๋น (199 บาท) เช่นกันครับเสิร์ฟพร้อมอาซาฮี(คงได้เมากันไปข้าง) ในถ้วยจะมีหัวไชเท้า ไข่ต้มในน้ำซุป(คล้ายๆไข่พะโล้แต่ไม่ออกหวานนะครับ) เอ็นนุ่มมากๆ ตรงส่วนที่เคี้ยวก็กรุบๆดีครับ ทานคู่ไข่กับหัวไชเท้าก็ได้รสชาติที่ดีทีเดียว ทานได้เพลินๆเลย

เข้าสู่จานหลักของเราครับ เซ็ทโปรโมชั่นเนื้อคู่(990 บาท) เป็นเนื้อวากิวส่วนสันนอก + เนื้อวากิวส่วนเชฟแนะนำ เสริฟ์พร้อมข้าวญี่ปุ่น+ซุป+สลัดผัก ที่เติมได้ฟรี! ไม่มีอั้นครับ ตอนที่ผมทานนี่แถมเครื่องดื่มหนึ่งอย่างให้ในเซ็ทด้วย ไวน์ก็มีแต่ผมก็ยังสั่ง Asahi มา (สองแก้วบนคงฝันไป555)  เนื้อย่างต้องทานคู่เบียร์เย็นๆสิครับ ดูเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นๆดี ยังไม่ทันจะเริ่มอีกจานก็ตามมาติดๆ

ชุด Combination(360 บาท) อันนี้เป็นแฮมเบิร์กหมูคุโรบุตะคู่เนื้อส่วนขาครับมาพร้อมไข่ดาวที่ไข่แดงยังเยิ้มๆ สมใจผมล่ะ บอกเลย แฮมเบิร์กโอเคครับรสชาติดี เนื้อหมูก็แน่น ส่วนเนื้อก็ดีงามตามท้องเรื่องอยู่แล้ว

ความสนุกของเนื้อย่างที่นี่อยู่ตรงนี้ครับ แต่ละชุดจะเสิร์ฟพร้อมหินร้อนในจาน(ซึ่งผมชอบมากกว่าเตาย่าง เพราะไม่เลอะเทอะ หินเล็กๆกะทัดรัดดีครับ)  เวลาจะทานเราก็ย่างได้ตามใจชอบเลยว่าอยากให้สุกประมาณไหน ผมชอบแบบ Medium สุกหน่อยแต่ไม่สุกมาก ย่างเองก็ดีครับ นอกจากเพลินแล้วยังทำได้ถูกใจ ถ้าย่างเองไม่อร่อยเองนี่ก็ต้องทำโทษตัวเองละทีนี้

มาดูจานผักกันบ้าง สลัดคามาดะ(250 บาท) เป็นสลัดญี่ปุ่นรสกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมเนื้อวากิวย่างชิ้นพอดีคำ ฟินครัชช ท่านผู้ชม

มีเนื้อแล้วก็มีปลามาตัดเลี่ยนซะบ้าง ปิดท้ายกันด้วย ชุดแซลมอนข้าวผัดกระเทียม(250 บาท) แซลมอนชิ้นอวบๆ ราดซอสเทริยากิ เสิร์ฟคู่กับข้าวผัดกระเทียมหอมๆ ดีครับ แต่ส่วนตัวผมนะ ผมว่าแอบจืดไปนิสนึง สงสัยโดนความหวานของเนื้อกลบหมด โธ่ น้องปลา

กินไปจนอิ่มหมีพีมัน งงนิดๆว่านี่อิ่มเบียร์หรืออิ่มเนื้อกันแน่ เอาเป็นว่าสุขกายสุขใจเลยครับ เนื้อนุ่ม ไม่คาว สันนอกนี่แทบละลายหายไปในปากเลยทีเดียว แถมราคาก็รับได้มากๆ ส่วนตัวผมว่าคนรักเนื้อต้องมาลองร้านนี้ดูสักครั้งครับ

 

Wagyu Kamada

ราคา : 100 – 1,500 บาท

สถานที่ : ชั้น 3, Mecury Ville ชิดลมตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม

เวลาทำการ : 10.00 – 22.00 น.

ที่จอดรถ : มีที่จอดรถ Mecury Ville

ที่มา Facebook Page : Starvingtime เรื่องกินเรื่องใหญ่